รายการอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการวิ่งมาราธอนในประเทศไทย

เสื้อผ้า รองเท้าวิ่ง และอุปกรณ์กันแดด

เสื้อผ้าที่ใช้ในการวิ่งต้องเหมาะกับอากาศเมืองไทยเป็นอันดับแรก ซึ่งหมายถึงควรบาง เบา และระบายเหงื่อได้ดี เสื้อ dri-fit หรือเสื้อวิ่งจากวัสดุสังเคราะห์อย่างโพลีเอสเตอร์ผสมจะช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนได้เร็วขึ้น หลายคนอาจคิดว่าใส่อะไรก็ได้ แต่หากคุณเลือกเสื้อที่อุ้มน้ำหรือรัดแน่นเกินไป คุณจะรู้สึกเหนอะหนะเร็วขึ้น เหงื่อจะสะสม และอาจทำให้เกิดผื่นหรืออาการคันตามผิวหนังได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อวิ่งนานเกิน 1 ชั่วโมง

รองเท้าวิ่งควรเป็นคู่ที่คุณใช้ซ้อมมาแล้วอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ และต้องไม่มีปัญหาเรื่องการเสียดสีหรือรองรับไม่พอดี หากใช้รองเท้าคู่ใหม่โดยไม่เคยวิ่งไกลมาก่อน คุณเสี่ยงที่จะเจอตุ่มน้ำพองหรือรองเท้ากัดกลางทาง และนั่นอาจทำให้คุณต้องหยุดวิ่งก่อนถึงเส้นชัยได้ ถุงเท้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเลือกแบบที่ไม่มีตะเข็บแข็ง ไม่หลวมเกินไป และซับเหงื่อได้ดี เพราะถุงเท้าที่เปียกหรือหลุดลงไปที่ส้นเท้าจะทำให้รู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง

อย่าลืมพกหมวกวิ่งหรือผ้าคาดศีรษะไว้ป้องกันแดดที่แรงจ้า และหากคุณต้องวิ่งกลางแดดนานๆ แว่นกันแดดแบบสปอร์ตน้ำหนักเบาและปลอกแขนกันแดดจะช่วยลดการแผดเผาของแดด และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังให้ไม่แห้งเสียอีกด้วย

ครีมกันแดด ลิปมัน และเกลือแร่

แดดเมืองไทยขึ้นชื่อว่าแรงตลอดปี โดยเฉพาะในสนามวิ่งที่จัดริมทะเลหรือในเมืองใหญ่ที่ไม่มีต้นไม้บัง การทาครีมกันแดดก่อนวิ่งจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 50+ และเป็นสูตรกันเหงื่อ ทาให้ทั่วบริเวณที่โดนแดด เช่น ใบหน้า ต้นคอ หู และแขน แล้วเว้นช่วงประมาณ 20-30 นาทีให้ครีมซึมก่อนออกสตาร์ต สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ควรทดลองใช้ครีมกันแดดมาก่อนในวันซ้อม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดผื่นคันหรืออาการระคายเคือง

ริมฝีปากก็สำคัญมากเช่นกัน หลายคนมักละเลย แต่การวิ่งกลางแดดทำให้ปากแห้งและไหม้ได้ ลิปมันที่มี SPF จะช่วยให้คุณไม่ต้องทนเจ็บหรือรู้สึกระคายเคืองระหว่างวิ่ง ส่วนเรื่องของเกลือแร่ ถ้าคุณวิ่งระยะไกลกว่า 10K ขึ้นไป หรือรู้ตัวว่าเหงื่อออกมาก คุณควรพกเม็ดอิเล็กโทรไลต์หรือเกลือแร่ชนิดผงติดตัวไว้ผสมในขวดน้ำดื่ม การดื่มแต่น้ำเปล่าโดยไม่เติมแร่ธาตุอาจทำให้คุณเหนื่อยง่ายหรือเป็นตะคริวกลางทาง

น้ำดื่ม เจลพลังงาน และของว่างเสริมแรง

แม้สนามแข่งจะมีจุดให้น้ำประจำอยู่ตามเส้นทาง แต่การพกขวดน้ำขนาดเล็กของตัวเองไว้จะช่วยให้คุณจิบน้ำได้ตามจังหวะที่ต้องการ โดยไม่ต้องรอถึงจุดให้น้ำ ขวดน้ำที่เหมาะสมควรมีน้ำหนักเบา มีที่จับพอดีมือ หรือสามารถเหน็บเอวได้โดยไม่เด้งขณะวิ่ง การดื่มน้ำเป็นระยะจะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วมากในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย

เจลพลังงานหรือ energy gel คือของสำคัญที่ควรมี โดยเฉพาะในระยะฮาล์ฟหรือฟูลมาราธอน ซึ่งร่างกายจะต้องใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง เจลควรเลือกแบบที่คุณเคยทดลองแล้วไม่ทำให้ท้องเสียหรือแน่นท้อง และควรกินพร้อมน้ำเปล่าเสมอ เพื่อให้ดูดซึมได้ง่าย บางคนอาจเสริมด้วย energy bar ชิ้นเล็ก กล้วยอบแห้ง หรือแม้แต่น้ำผึ้งซอง ก็ได้ผลดีไม่แพ้กัน

อุปกรณ์เสริมที่ควรมี: เข็มกลัด นาฬิกา ผ้าเย็น และยาดม

ของบางอย่างอาจดูเล็กน้อยแต่หากลืมไปก็ทำให้ลำบากได้ เช่น เข็มกลัดสำหรับติดเบอร์วิ่ง หากเบอร์หลุดระหว่างทาง คุณอาจถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน หรือหากติดไม่ดี เสื้ออาจขาดหรือโดนบาดตลอดทาง ดังนั้นจึงควรเตรียมเข็มกลัดสำรองไว้ 3-4 อัน หรือใช้คลิปแม่เหล็กแบบพิเศษก็ได้เช่นกัน

นาฬิกาวิ่ง หรืออุปกรณ์จับเวลา เช่น สมาร์ตวอช จะช่วยให้คุณควบคุม pace ได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งยังสามารถดูระยะทางที่เหลือ การเต้นของหัวใจ และเวลาที่ใช้ไปแล้วได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องการวางแผนวิ่งให้จบตามเวลาที่ตั้งไว้

ผ้าเย็นหรือผ้าชุบน้ำเล็กๆ สำหรับเช็ดหน้าหรือลำคอจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย โดยเฉพาะหากคุณรู้สึกวิงเวียนหรือร้อนจนหายใจไม่สะดวก ส่วนยาดม ยาหม่อง หรือทิชชู่เปียกก็สามารถพกใส่กระเป๋าคาดเอวไว้ได้ไม่เปลืองเนื้อที่ และช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นหากเริ่มมีอาการมึนหัวกลางทาง